Sunday, December 14, 2014
Sunday, November 30, 2014
ไฮเปอร์บุ๊ก (Hyperbook)
ไฮเปอร์บุ๊ก (Hyperbook)
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ คือหนังสือที่เก็บอยู่ในรูปแบบของอิเล็กทรอนิกส์
หรือเก็บไว้อยู่ในแบบของไฟล์ โปรแกรมส่วนมากที่เข้าใจกันคือ
หนังสือที่เก็บในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ต้องใช้กระดาษ
และมีการสร้างจากคอมพิวเตอร์ และสามารถอ่านได้จากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่าง คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก พีดีเอ (Personal Digital Assistant) Palm และ PocketPC
หรือกระทั่งอ่านได้จากโทรศัพท์มือถือบางรุ่น
E-book เป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่จะเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น
ด้วยความสะดวกสบายของทั้งการสร้าง E-book ความสะดวกในการพกพา
ขนาดที่เล็ก และสามารถอ่านได้ทุกที่ทุกเวลาที่มีอุปกรณ์พกพาที่สามารถอ่าน E-book
ได้ สามารถสร้างให้ E-book นอกจากจะมีสีสันสวยงามเพื่อง่ายต่อการอ่าน
และทำความเข้าใจแล้ว ยังสามารถใส่เสียง ภาพเคลื่อนไหว สร้างสารบัญ (Link) หรือการคลิกเพื่อส่ง E-Mail ไปยังผู้เขียน หรือ E-Mail
ใน E-book ก็ได้
ข้อดีของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ มีข้อดีดังต่อไปนี้
1. เป็นสื่อที่รวมเอาจุดเด่นของสื่อแบบต่างๆ
มารวมอยู่ในสื่อตัวเดียว คือ สามารถแสดงภาพ แสง เสียง ภาพเคลื่อนไหว และการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้
2. ช่วยให้ผู้เรียนเกิดพัฒนาการเรียนรู้และเข้าใจเนื้อหาวิชาได้เร็วขึ้น
3.
ครูสามารถใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ในการชักจูงผู้เรียนในการอ่าน, การเขียน, การฟังและการพูดได้
4.
มีความสามารถในการออนไลน์ผ่านเครือข่ายและเชื่อมโยงไปสู่โฮมเพจและเว็บไซต์ต่างๆอีกทั้งยังสามารถอ้างอิงในเชิงวิชาการได้
5. หากหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ออนไลน์ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตหรืออินทราเน็ตจะทำให้การกระจายสื่อทำได้อย่างรวดเร็ว
และกว้างขว้างกว่าสื่อที่อยู่ในรูปสิ่งพิมพ์
6.
สนับสนุนการเรียนการสอนแบบห้องเรียนเสมือน
ห้องสมุดเสมือนและห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์
7. มีลักษณะไม่ตายตัว
สามารถแก้ไขปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
อักทั้งยังสามารถเชื่อมโยงไปสู่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้โดยใช้ความสามารถของไฮเปอร์เท็กซ์
8. ในการสอนหรืออบรมนอกสถานที่
การใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์จะช่วยให้เกิดความคล่องตัวยิ่งขึ้น
เนื่องจากสื่อสามารถสร้างเก็บไว้ในแผ่นซีดีได้
9. การพิมพ์ทำได้รวดเร็วกว่าแบบใช้กระดาษ
สามารถทำสำเนาได้เท่าที่ต้องการ ประหยัดวัสดุในการสร้างสื่อ
อีกทั้งยังช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอีกด้วย
10. มีความทนทาน และสะดวกต่อการเก็บบำรุงรักษา
ลดปัญหาการจัดเก็บเอกสารย้อนหลังซึ่งต้องใช้เนื้อที่หรือบริเวณกว้างกว่าในการจัดเก็บ
รักษาหนังสือหายากและต้นฉบับเขียนไม่ให้เสื่อมคุณภาพ
11. ช่วยให้นักวิชาการและนักเขียนสามารถเผยแพร่ผลงานเขียนได้อย่างรวดเร็ว
ข้อจำกัดของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
ถึงแม้ว่าหนังสืออิเล็กทรอนิกส์จะมีข้อดีที่สนับสนุนด้านการเรียนการสอนมากมาย
แต่ก็ยังมีข้อจำกัดด้วยดังต่อไปนี้
1. คนไทยส่วนใหญ่ยังคงชินอยู่กับสื่อที่อยู่ในรูปกระดาษมากกว่าอีกทั้งหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ยังไม่สมารถใช้งานได้งายเมื่อเทียบกับสื่อสิ่งพิมพ์
และความสะดวกในการอ่านก็ยังน้อยกว่ามาก
2. หากโปรแกรมสื่อมีขนาดไฟล์ใหญ่มากๆ
จะทำให้การเปลี่ยนหน้าจอมีความล่าช้า
3. การสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดี
ผู้สร้างต้องมีความรู้ และความชำนาญในการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์
4. ผู้ใช้สื่ออาจจะไม่ใช่ผู้สร้างสื่อฉะนั้นการปรับปรุงสื่อจึงทำได้ยากหากผู้สอนไม่มีความรู้ด้านโปรแกรมคอมพิวเตอร์
5. ใช้เวลาในการออกแบบมาก
เพราะต้องใช้ทักษะในการออกแบบเป็นอย่างดี เพื่อให้ได้สื่อที่มี
คุณภาพ
ตัวอย่างไฮเปอร์บุ๊ค
ที่มา : http://nicennnn.blogspot.com/2013/12/hyperbook.html
1. เป็นสื่อที่รวมเอาจุดเด่นของสื่อแบบต่างๆ มารวมอยู่ในสื่อตัวเดียว คือ สามารถแสดงภาพ แสง เสียง ภาพเคลื่อนไหว และการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้
2. ช่วยให้ผู้เรียนเกิดพัฒนาการเรียนรู้และเข้าใจเนื้อหาวิชาได้เร็วขึ้น
5. หากหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ออนไลน์ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตหรืออินทราเน็ตจะทำให้การกระจายสื่อทำได้อย่างรวดเร็ว และกว้างขว้างกว่าสื่อที่อยู่ในรูปสิ่งพิมพ์
7. มีลักษณะไม่ตายตัว สามารถแก้ไขปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา อักทั้งยังสามารถเชื่อมโยงไปสู่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้โดยใช้ความสามารถของไฮเปอร์เท็กซ์
8. ในการสอนหรืออบรมนอกสถานที่ การใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์จะช่วยให้เกิดความคล่องตัวยิ่งขึ้น เนื่องจากสื่อสามารถสร้างเก็บไว้ในแผ่นซีดีได้
9. การพิมพ์ทำได้รวดเร็วกว่าแบบใช้กระดาษ สามารถทำสำเนาได้เท่าที่ต้องการ ประหยัดวัสดุในการสร้างสื่อ อีกทั้งยังช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอีกด้วย
10. มีความทนทาน และสะดวกต่อการเก็บบำรุงรักษา ลดปัญหาการจัดเก็บเอกสารย้อนหลังซึ่งต้องใช้เนื้อที่หรือบริเวณกว้างกว่าในการจัดเก็บ รักษาหนังสือหายากและต้นฉบับเขียนไม่ให้เสื่อมคุณภาพ
11. ช่วยให้นักวิชาการและนักเขียนสามารถเผยแพร่ผลงานเขียนได้อย่างรวดเร็ว
1. คนไทยส่วนใหญ่ยังคงชินอยู่กับสื่อที่อยู่ในรูปกระดาษมากกว่าอีกทั้งหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ยังไม่สมารถใช้งานได้งายเมื่อเทียบกับสื่อสิ่งพิมพ์ และความสะดวกในการอ่านก็ยังน้อยกว่ามาก
2. หากโปรแกรมสื่อมีขนาดไฟล์ใหญ่มากๆ จะทำให้การเปลี่ยนหน้าจอมีความล่าช้า
3. การสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดี ผู้สร้างต้องมีความรู้ และความชำนาญในการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์
4. ผู้ใช้สื่ออาจจะไม่ใช่ผู้สร้างสื่อฉะนั้นการปรับปรุงสื่อจึงทำได้ยากหากผู้สอนไม่มีความรู้ด้านโปรแกรมคอมพิวเตอร์
5. ใช้เวลาในการออกแบบมาก เพราะต้องใช้ทักษะในการออกแบบเป็นอย่างดี เพื่อให้ได้สื่อที่มี
คุณภาพ
Sunday, November 16, 2014
โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา (Educational Media)
ความหมาย
เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษา โดยการสร้างโปรแกรมบทเรียน
หรือหน่วยการเรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัด บททบทวน และคำถามคำตอบไว้พร้อม
ผู้เรียนสามารถเรียนแบบรายบุคคลหรือรายกลุ่ม การสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยนี้
ถือว่าเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์การสอน ไม่ใช่เป็นครูผู้สอน
ซึ่งอาจเป็นการพัฒนาบทเรียนแบบออนไลน์ให้นักเรียนเข้ามาศึกษาด้วยตนเองก็ได้
โครงงานประเภทนี้สามารถพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการสอนในวิชาต่าง ๆ
ไม่ว่าจะเป็นสาขาคอมพิวเตอร์ วิชาคณิตศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ วิชาสังคม
วิชาชีพอื่น ๆ ฯลฯ โดยนักเรียนอาจคัดเลือกหัวข้อที่นักเรียนทั่วไปที่ทำความเข้าใจยาก
มาเป็นหัวข้อในการพัฒนาโปรแกรมบทเรียน ตัวอย่างเช่น โปรแกรมสอนวิธีการใช้งาน
ระบบสุริยะจักรวาล โปรแกรมแบบทดสอบวิชาต่างๆ
ตัวอย่างโปรแกรม
1) การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
เรื่อง โรคความอ้วน
เป็นโครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา (Education Media Development) ลักษณะเด่นของโครงงานประเภทนี้
คือ เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษา
ซึ่งผู้จัดทำจะใช้เว็บไซต์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษาเรื่อง “โรคความอ้วน” เป็นเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาหลากหลาย
โดยสามารถใช้เป็นเครื่องมือสื่อสาร การประกาศข่าวสาร การแสดงความคิดเห็น
การเผยแพร่ผลงาน ในหลายด้านไม่ว่า อาหาร การเมือง เทคโนโลยี หรือข่าวปัจจุบัน
(ที่มา : http://style336.blogspot.com)
2) โปรแกรมความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต
ผู้พัฒนา : นายเทพ รัตนเรืองจำรูญ และนายพงศกร พันธุ์พงษ์สิทธิ์
อาจารย์ที่ปรึกษา : อาจารย์สโรชา สายเนตร
สถานศึกษา : ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนอัสสัมชัญ
Sunday, November 2, 2014
ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์
Mine-Ads : ระบบค้นหากลุ่มเป้าหมายโฆษณาอัจฉริยะ
(โดย คณะวิศวกรรมศาสตร์คอมพิวเตอร์
ภาควิชาซอฟท์แวร์และความรู้ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์)
การดำเนินธุรกิจต่าง
ๆ ในปัจจุบันล้วนต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น
ผู้ประกอบธุรกิจจึงจำเป็นต้องปรับตัวและแสวงหาเทคโนโลยีใหม่ๆ
เพื่อนำมาช่วยเสริมประสิทธิภาพและความได้เปรียบในการแข่งขัน
นอกจากนี้การโฆษณาซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยส่งข้อมูลข่าวสารจากผู้ผลิตไปถึงผู้บริโภค
ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะช่วยเกื้อหนุนให้ระบบธุรกิจประสบความสำเร็จ
ซึ่งในยุคปัจจุบันการโฆษณาได้ปรับเปลี่ยนจากการนำเสนอผ่านทางสื่อสารมวลชนมาสู่การนำเสนอบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ตมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะเว็บไซต์เครือข่ายทางสังคม (Social Network) ต่างๆ ดังนั้น
คณะผู้พัฒนาจึงได้นำเสนอโครงการนี้เพื่อพัฒนาสร้างซอฟต์แวร์ Open Source สำหรับช่วยค้นหากลุ่มเป้าหมายในการโฆษณาจากเว็บไซต์เครือข่ายทางสังคม
โดยซอฟต์แวร์นี้จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ ได้แก่
การค้นหาความสัมพันธ์กลุ่มย่อย (Clustering) จากเครือข่ายทางสังคม
ซึ่งผู้ใช้สามารถซูมเพื่อย่อหรือขยายหรือแสดงกลุ่มของผู้ใช้ที่สนใจตามเงื่อนไขการค้นหา
และส่วนที่ 2 จะเป็นส่วนที่ระบบสามารถนำข้อมูลประวัติ (Profile)
และความชอบ (Favorite) ของผู้ใช้บริการมาหาความสัมพันธ์และแนวโน้มความสนใจซึ่งจะแสดงออกมาในรูปแบบของกฎความสัมพันธ์
(Association Rules) เพื่อเป็นแนวทางในการให้ผู้ใช้นำไปใช้ประโยชน์ในการทำการโฆษณาผ่านทางเว็บเครือข่ายทางสังคมต่อไป
1. วัตถุประสงค์หลัก
-
เพื่อชวยคนหากลุมเปาหมายและวิเคราะหความตองการของผูบริโภคที่ใชเครือขายสังคม
2. อุปกรณ์ที่ใช้
-
คอมพิวเตอร์
3. โปรแกรมที่ใช้
-
ซอฟต์แวร์ Mine-Ads
-
Java
-
MySQL
4. ประโยชน์ที่ได้รับ
-
สามารถนําไปวิเคราะหหากลุมเปาหมายและชวยวางแผนในการโฆษณาบนเครือขายสังคมไดอยางมีประสิทธิภาพและไมตองเสียคาใชจายในการซื้อซอฟต์แวร์ทางการคา
Sunday, October 26, 2014
Sunday, August 31, 2014
Sunday, August 17, 2014
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
ความหมายและประเภทของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
อินเทอร์เน็ต (Internet)
เป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขององค์กรธุรกิจ
หน่วยงานของรัฐบาล สถานศึกษา ตลอดจนเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเข้าไว้ด้วยกัน
ทำให้ข้อมูล สารสนเทศ สินค้า
และบริการที่นำเสนอผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์เหล่านี้สามารถเข้าถึงได้จากคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่นๆ
จากที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน สำนักงาน โรงเรียน ชายทะเล หรือร้านอาหารทั่วโลก
การเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ตนั้น
ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งานเป็นสำคัญ
เช่นใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อค้นหาข้อมูลที่บ้าน ใช้ในเชิงธุรกิจ ใช้เพื่อความบันเทิง
หรือใช้ภายในองค์กรขนาดใหญ่
ดังนั้นการเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ตจึงมีความแตกต่างกันซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านความต้องการ
รวมทั้งเงินทุนที่จะใช้ในการติดตั้งระบบด้วย
ปัจจุบันการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่นิยมใช้มี 5 ลักษณะ คือ
1.
การเชื่อมต่อแบบ Dial Up
oooooเป็นการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่เคยได้รับความนิยมในยุคแรก
ๆ โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์บุคคล
กับสายโทรศัพท์บ้านที่เป็นสายตรงต่อเชื่อมเข้ากับโมเด็ม (Modem) ก็สามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตได้แล้ว
ผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตต้องทำการติดต่อกับผู้ให้บริการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านหมายเลขโทรศัพท์บ้าน
โดยผู้ให้บริการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตจะกำหนดชื่อผู้ใช้ (Username) และรหัสผ่าน (Password) มาให้เพื่อเข้าใช้บริการอินเตอร์เน็ต
2.การเชื่อมต่อแบบ ISDN(Internet
Services Digital Network)
เป็นการเชื่อมต่อที่คล้ายกับแบบ
Dial Up เพราะต้องใช้โทรศัพท์และโมเด็มในการเชื่อมต่อ
ต่างกันตรงที่ระบบโทรศัพท์เป็นระบบความเร็วสูงที่ใช้เทคโนโลยีระบบดิจิตอล (Digital)
และต้องใช้โมเด็มแบบ ISDN Modem ในการเชื่อมต่อ
ดังนั้นการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบ ISDN จะต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้
คือ
1.ต้องติดต่อผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต (ISP)
ที่ให้บริการการเชื่อมต่อแบบ ISDN
2.การเชื่อมต่อต้องใช้ ISDN Modem ในการเชื่อมต่อ
3.ต้องตรวจสอบว่าสถานที่ที่จะใช้บริการนี้ อยู่ในอาณาเขตที่ใช้บริการ ISDN ได้หรือไม่
2.การเชื่อมต่อต้องใช้ ISDN Modem ในการเชื่อมต่อ
3.ต้องตรวจสอบว่าสถานที่ที่จะใช้บริการนี้ อยู่ในอาณาเขตที่ใช้บริการ ISDN ได้หรือไม่
3.การเชื่อมต่อแบบ DSL(Digital
Subscriber Line)
oooooเป็นเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงโดยใช้สายโทรศัพท์ธรรมดา ที่สามารถใช้อินเตอร์เน็ตและพูดผ่านสายโทรศัพท์ปกติได้ในเวลาเดียวกัน สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการติดตั้งระบบอินเตอร์เน็ตแบบ DSL ก็คือ
oooooเป็นเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงโดยใช้สายโทรศัพท์ธรรมดา ที่สามารถใช้อินเตอร์เน็ตและพูดผ่านสายโทรศัพท์ปกติได้ในเวลาเดียวกัน สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการติดตั้งระบบอินเตอร์เน็ตแบบ DSL ก็คือ
1.ต้องตรวจสอบว่าสถานที่ที่ติดตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ให้บริการระบบโทรศัพท์แบบ
DSL หรือไม่
2.บัญชีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตจากผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตในแบบ DSL
3.การเชื่อมต่อต้องใช้ DSL Modem ในการเชื่อมต่อ
4.ต้องติดตั้ง Ethernet Adapter Card หรือ Lan Card ไว้ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย
2.บัญชีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตจากผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตในแบบ DSL
3.การเชื่อมต่อต้องใช้ DSL Modem ในการเชื่อมต่อ
4.ต้องติดตั้ง Ethernet Adapter Card หรือ Lan Card ไว้ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย
4.การเชื่อมต่อแบบ Cable
oooooเป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยผ่านสายสื่อสารเดียวกับ Cable TV จึงทำให้เราสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไปพร้อม ๆ กับการดูทีวีได้ โดยต้องจัดหาอุปกรณ์เพิ่มเติม คือ
oooooเป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยผ่านสายสื่อสารเดียวกับ Cable TV จึงทำให้เราสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไปพร้อม ๆ กับการดูทีวีได้ โดยต้องจัดหาอุปกรณ์เพิ่มเติม คือ
1.ใช้ Cable Modem เพื่อเชื่อมต่อ
2.ต้องติดตั้ง Ethernet Adapter Card หรือ Lan Card ไว้ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย
2.ต้องติดตั้ง Ethernet Adapter Card หรือ Lan Card ไว้ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย
5.การเชื่อมต่อแบบดาวเทียม (Satellites)
oooooเป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ระบบที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันเรียกว่า Direct Broadcast Satellites หรือ DBS โดยผู้ใช้ต้องจัดหาอุปกรณ์เพิ่มเติม คือ
oooooเป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ระบบที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันเรียกว่า Direct Broadcast Satellites หรือ DBS โดยผู้ใช้ต้องจัดหาอุปกรณ์เพิ่มเติม คือ
1.จานดาวเทียมขนาด 18-21 นิ้ว เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวรับสัญญาณจากดาวเทียม
2.ใช้ Modem เพื่อเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ต
2.ใช้ Modem เพื่อเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ต
Sunday, August 3, 2014
Sunday, July 20, 2014
อุปกรณ์เทคโนโลยีสมัยใหม่
เครื่องพิมพ์ 3 มิติ (3D Printer)
ในปีที่ผ่านมา ได้มีการออก
เครื่องพิมพ์ 3 มิติ (ปริ้นเตอร์ 3 มิติ) ที่สามารถพิมพ์ภาพ 3D ได้แล้ว ซึ่งถือได้ว่า
เป็นกระบวนการพิมพ์ภาพ 3D ให้มีรูปร่างเหมือนของจริงจากรูปแบบดิจิตอล
การพิมพ์ภาพ 3D คือกระบวนการเติมแต่งภาพโดยการเสริมเข้าไปทีละชั้นจนสำเร็จ
ซึ่งจะได้รูปร่างที่แตกต่างจากการพิมพ์แบบเดิม
เช่นจะมีการเพิ่มวิธีการตัดหรือการเจาะเข้าไปในการพิมพ์
เครื่องพิมพ์ที่พิมพ์ภาพแบบ 3D จะใช้กระบวนการเทคโนโลยีดิจิตอลในการพิมพ์งานทั้งหมด
และส่วนใหญ่จะใช้กับการสร้างต้นแบบสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมการออกแบบ, สถาปัตยกรรมและการก่อสร้าง อุตสาหกรรมยานยนต์ การบินและอวกาศ วิศวกรรมโยธา
วงการทันตกรรมและการแพทย์ หรือจะใช้ในด้านของ การศึกษาระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์
สินค้าแฟชั่น การศึกษาและสาขาอื่นๆ อีกมากมาย แล้วแต่จะนำไปประยุกต์ใช้
ที่มา : http://www.thecgibin.com/%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1-%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B8%B5-2013/
Sunday, July 6, 2014
Sunday, June 22, 2014
Sunday, June 15, 2014
Sunday, June 8, 2014
อุปกรณ์พื้นฐานคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์พื้นฐานคอมพิวเตอร์
1. CMOS
CMOS (ซีมอส) ย่อมาจาก "Complementary Metal Oxide
Semiconductor" เป็นชิปไอซีที่ใช้เก็บข้อมูลที่เป็นค่าเฉพาะของแต่ละระบบ
เพื่อให้ Bios (ไบออส) นำไปใช้ในการบู๊ตระบบ
ข้อมูลที่ถูกเก็บอยู่ใน CMOS เช่น เวลา และวันที่ของระบบ
ค่าของฮาร์ดดิสก์ และไดรว์ซีดี/ดีวีดี, การปรับค่าความเร็วในการอ่านเขียนของแรม
เป็นต้น เป็นชิปสารกึ่งตัวนำที่ถูกติดตั้งแบบออนบอร์ดมากับเมนบอร์ดเลย
เราจะมองไม่เห็นตัวชิปเพราะมันถูกผนวกเข้ากับชิปเซ็ต ชิป CMOS เป็นหน่วยความจำที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้กินไฟน้อย และทำงานได้เร็ว
เนื่องจาก CMOS ใช้เทคโนโลยีเดียวกับแรมทำให้ต้องการไฟเลี้ยงจากแบตเตอรรี่
(CMOS battery) เพื่อให้ข้อมูลคงอยู่
หากแบตเตอรี่หมดข้อมูลก็จะหายไป ก็จำเป็นต้องเซ็ตค่าต่าง ๆ กันใหม่ใน CMOS
Setup บางครั้งที่เครื่องเสีย เช่น มีการโอเวอร์คล็อก คือ
ปรับสปีดความถี่แล้วเครื่องรับไม่ได้ เมื่อเปิดเครื่องก็จะไม่ยอมบู๊ต
เราก็จะใช้การ clear CMOS โดยการถอดแบตเตอรี่
เพื่อเครียร์ค่าการเซ็ตอัพ
2. KEYBOARD
Keyboard (คีย์บอร์ด) เป็นอุปกรณ์หลักที่ใช้ในการนำข้อมูลลงในเครื่องคอมพิวเตอร์
มีลักษณะเป็นปุ่มตัวอักษรเหมือนปุ่มเครื่องพิมพ์ดีด
เป็นอุปกรณ์รับเข้าพื้นฐานที่ต้องมีในคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง
จะรับข้อมูลจากการกดแป้นแล้วทำการเปลี่ยน เป็นรหัสเพื่อส่งต่อไปให้กับคอมพิวเตอร์
แป้นพิมพ์ที่ใช้ในการป้อนข้อมูลจะมีจำนวนตั้งแต่ 50 แป้นขึ้นไป
แผงแป้นอักขระส่วนใหญ่มีแป้นตัวเลขแยกไว้ต่างหาก
เพื่อทำให้การป้อนข้อมูลตัวเลขทำได้ง่ายและสะดวกขึ้น การวางตำแหน่งแป้นอักขระ
จะเป็นไปตามมาตรฐานของระบบพิมพ์สัมผัสของเครื่องพิมพ์ดีด ที่มีการใช้แป้นยกแคร่ (shift) เพื่อทำให้สามารถใช้พิมพ์ได้ทั้งตัวอักษร
ตัวพิมพ์ใหญ่และตัวพิมพ์เล็ก ซึ่งระบบรับรหัสตัวอักษรที่ใช้ในทางคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่จะเป็นรหัส
7 หรือ 8 บิต กล่าวคือ
เมื่อมีการกดแป้นพิมพ์ แผงแป้นอักขระจะส่งรหัสขนาด 7 หรือ 8 บิต
นี้เข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์
แผงแป้นอักขระสำหรับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ตระกูลไอบีเอ็มที่ผลิตออามารุ่น
แรก ๆ ตั้งแต่ พ.ศ. 2524 จะเป็นแป้นรวมทั้งหมด 83 แป้น
ซึ่งเรียกว่า แผงแป้นอักขระ PCXT ต่อมาในปี พ.ศ. 2527
บริษัทไอบีเอ็มได้ปรับปรุงแผงแป้นอักขระ กำหนดสัญญาณทางไฟฟ้าของแป้นขึ้นใหม่
จัดตำแหน่งและขนาดแป้นให้เหมาะสมดียิ่งขึ้น โดยมีจำนวนแป้นรวม 84 แป้น เรียกว่า
แผงแป้นอักขระพีซีเอที และในเวลาต่อมาก็ได้ปรับปรุงแผงแป้นอักขระขึ้นพร้อม ๆ
กับการออกเครื่องรุ่น PS/2 โดยใช้สัญญาณทางไฟฟ้า
เช่นเดียวกับแผงแป้นอักขระรุ่นเอทีเดิม และเพิ่มจำนวนแป้นอีก 17 แป้น รวมเป็น 101 แป้น
ประเภทของ Keyboard ดูได้จากจำนวนปุ่ม และรูปแบบการใช้งาน
Key board ที่มีอยู่ปัจจุบันจะมีอยู่
5 แบบ
1. Desktop Keyboard
ซึ่ง Keyboard มาตรฐาน จะเป็นชนิด 101 คีย์
2. Desktop Keyboard with hot keys
เป็น Keyboard ที่มีจำนวนคีย์มากกว่า 101 คีย์
ขึ้นไปแล้วแต่วัตถุประสงค์ใช้งาน ซึ่งจะมีปุ่มพิเศษ สำหรับระบบปฏิบัติการ Windows ตั้งแต่เวอร์ชัน
95 เป็นต้นไป
3. Wireless Keyboard
Keyboard
ไร้สายเป็น Keyboard ที่ทำงานโดยไม่ต้องต่อสายเข้ากับตัวเครื่องคอมพิวเตอร์แต่จะมีอุปกรณ์
ที่รับสัญญาณจากตัว Keyboard อีกทีหนึ่ง
การทำงานจะใช้ความถี่วิทยุในการสื่อสาร ซึ่งความถี่ที่ใช้จะอยู่ที่ 27 MHz อุปกรณ์ชนิด
นี้มักจะมาคู่กับอุปกรณ์ Mouse ด้วย
รูปร่างและรูปแบบการทำงานจะเหมือนกับ Keyboard แบบ Desktop แต่จะมีช่องสำหรับเสียบ
Smart Card เพื่อป้องกันการใช้งานจากผู้ที่ไม่ได้เป็นเจ้าของ
Keyboard ชนิดนี้เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการ
ปลอดภัยสูง หรือใช้ควบคุมเครื่อง Server ที่ยอมให้เฉพาะ Admin เท่านั้นเป็นคนเปลี่ยนแปลงข้อมูล
5. Notebook Keyboard
เป็น Keyboard ที่ถูกออกแบบมาให้มีขนาดบางเบา
ขนาดความกว้าง และยาวจะขึ้นอยู่กับเครื่อง Notebook ที่ใช้ปุ่มบนแป้นพิมพ์จะอยู่ติดกันและบางมาก
คีย์พิเศษต่างจะถูกลด และเพิ่มเฉพาะปุ่มที่จำ เป็นในการ Present งาน หรือ
การพักเครื่องเพื่อประหยัดพลังงาน
แหล่งข้อมูล :
Subscribe to:
Comments (Atom)




